มารู้จัก การทำงานกับรถยก รถโฟล์คลิฟท์ ตามกฎหมาย มีอะไรบ้าง
ประกาศออกมาแล้วสำหรับกฎหมายการทำงานกับเครื่องจักรในปี 2564 ซึ่งรถยก fork lift เข้าข่ายเป็นเครื่องจักรประเภทหนึ่งตามนิยามในกฎหมายที่จะต้องได้รับการตรวจรับรองและผู้ที่ใช้งานจะต้องได้รับการอบรมรถยกก่อนใช้งาน
เครื่องจักรชนิดหนึ่งที่ถูกนำมาใช้ทั้งในภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรมและการขนส่ง ก็คือ รถยกสินค้าขนาดเล็ก หรือที่เรียกทับศัพท์ว่า รถฟอร์คลิฟท์หรือรถโฟล์คลิฟท์ ทั้งนี้ รถโฟล์คลิฟท์ (Forklift) เป็นพาหนะที่ถูกออกแบบจำเพาะ เพื่อนำมาใช้ในการขนย้ายสินค้าหรือวัตถุดิบภายในโรงงานอุตสาหกรรม แทนแรงงานคนมานานหลายปีแล้ว เนื่องจากมีความสะดวก คล่องตัวและเพิ่มความรวดเร็วในการทำงานให้ดียิ่งขึ้นได้ ประเด็นนี้เอง จึงทำให้รถโฟล์คลิฟท์เป็นที่นิยมแพร่หลายออกไปยังผู้ประกอบการนอกภาคอุตสาหกรรมอีกด้วย
รถโฟล์คลิฟท์มีหลายประเภทมากๆ ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น รถโฟล์คลิฟท์แบบสันดาปภายใน (น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน แก๊สปิโตรเลียมเหลว LPG และแก๊สธรรมชาติ CNG ) รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า ใครที่จะต้องทำงานกับรถยกประเภทต่างๆ ก็ควรจะต้องดูว่าเราจะอบรมโฟล์คลิฟท์รุ่นไหนให้ตรงกับสิ่งที่เราใช้งานอยู่ รถโฟล์คลิฟท์แบบไหนกัน ที่เหมาะสมน่าใช้สำหรับธุรกิจของคุณ? สำหรับในบทความนี้ผู้เขียนจะมาแนะนำข้อดีของ “รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า” หนึ่งในรถโฟล์คลิฟท์ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับ การใช้งานภายในห้องเย็นและการใช้งานภายในโรงงาน โกดังขนาดเล็ก ให้ผู้อ่านทุกคนมีข้อมูลเพิ่มมากขึ้นในการเลือกตัดสินใจซื้อ
รถยกมีกี่ประเภท
รถยก หรือ “โฟร์คลิฟท์” มาจากคำภาษาอังกฤษว่า “FORKLIFT” ซึ่งเป็นการผสมคำสองคำ คือ “FORK” ที่แปลว่า “ช้อนส้อม” และคำว่า “LIFT” ที่แปลว่า การขึ้นลงในแนวตั้ง รถยก แบ่งออกตามประเภทของต้นกำลังขับเคลื่อนได้ 2 ประเภท คือ
ENGINE FORKLIFT
รถยกที่ใช้เครื่องยนต์เป็นต้นกำลัง โดยใช้นำมันเป็นเชื้อเพลิง รถยกประเภทนี้สามารถแบ่งออกตามชนิดเชื้อเพลิงที่ใช้ได้ 3 ประเภท คือ
- DIESEL ENGINE (เครื่องยนต์ดีเซล)
- GASOLINE ENGINE (เครื่องยนต์แก๊สโซลีน)
- L.P.G. ENGINE (เครื่องยนต์แก๊ส L.P.G.)
นอกจากนั้น รถยกที่ใช้เครื่องยนต์เป็นต้นกำลัง สามารถแบ่งตามระบบส่งกำลังได้ 2 ประเภท คือ
- ระบบส่งกำลังด้วยทอร์ค (Toro flow Transmission)
- ระบบส่งกำลังด้วยคลัทซ์ (Direct Drive)
BATTERY FORKLIFT
รถยกไฟฟ้า ใช้มอเตอร์เป็นต้นกำลังขับเคลื่อน โดยได้รับกระแสไฟฟ้ามาจากแบตเตอรี่ รถยกไฟฟ้า สามารถแบ่งตามลักษณะโครงสร้างภายนอกได้เป็น 2 แบบ คือ
- แบบ COUNTER BALANCIT (แบบนั่งขับ)
- แบบ REACH TURCK (แบบยืนขับ)
โดยรวมแล้ว โฟล์คลิฟท์ (Forklift) ทั่วไปที่นิยมใช้กัน
-
รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า (Electric Forklift)
-
รถโฟล์คลิฟท์ดีเซล
-
รถโฟล์คลิฟท์แก๊ส LPG
รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าดีอย่างไร
1. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าทำงานแบบปราศจากมลภาวะทางอากาศ ที่ปกติแล้วมักเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงของเครื่องจักรยนต์ดั้งเดิม ท่านต้องไม่ลืมว่าในปัจจุบันทั้งภาครัฐและผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสูงมาก หากผู้ประกอบการใดที่ใส่ใจในเรื่องดังกล่าว สินค้าของท่านก็พร้อมจะได้รับการยอมรับและสนับสนุนจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี
2. รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าปลอดมลภาวะทางเสียง
เนื่องจากรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าขับเคลื่อนด้วยพลังมอเตอร์ไฟฟ้า จึงไม่มีเสียงดังจากสายพานเครื่องยนต์ การทำงานของกระบอกสูบ รวมทั้งเสียงดังจากท่อไอเสียแต่อย่างใด ความเงียบของรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าเป็นจุดเด่นที่สำคัญ เพราะทำให้ไม่ส่งเสียงรบกวนสมาธิการทำงานของพนักงานในแผนกใกล้เคียงและชุมชนบริเวณใกล้โรงงานอีกด้วย
3. ดูแลบำรุงรักษาง่าย
รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าบำรุงรักษาง่าย เพราะจำนวนอะไหล่ที่ต้องใช้มีน้อยชิ้นกว่า เมื่อเทียบกับรถโฟลค์ลิฟท์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลหรือใช้เชื้อเพลิงก๊าซ LPG ที่ต้องมีการดูแลทั้งอะไหล่หลายชิ้น
4. เพิ่มพื้นที่ในคลังเก็บสินค้าได้
เนื่องจากรถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้าเป็นรถยกขนาดเล็กที่มีวงเลี้ยวแคบกว่ารถโฟล์คลิฟท์แบบใช้น้ำมันหรือใช้ก๊าซ LPG เป็นเชื้อเพลิง ทำให้บริเวณอาณาเขตการทำงานไม่กว้างมากจนไปกินพื้นที่วางสินค้าภายในโกดังหรือคลังเก็บสินค้า ห้องเย็น ซึ่งข้อดีตรงนี้จะตอบโจทย์วิสัยทัศน์ท่านเจ้าของกิจการที่ต้องการลดต้นทุนระยะยาวที่คุ้มค่า ยิ่งในโรงงานที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่มากขึ้นเท่าไหร่ มีรถขนสินค้าจำนวนมากขึ้นเพียงไหน การเพิ่มพื้นที่จัดเก็บวัตถุดิบหรือสินค้าจะยิ่งมีมูลค่ามากขึ้นตามไปด้วยเท่านั้น และนั่นอาจจะเป็นกำไรที่ธุรกิจได้เพิ่มขึ้นมาก เพียงแค่หันมาใช้รถโฟล์คลิฟท์ไฟฟ้า